…เคยแต่เที่ยวทะเลเมืองไทยทั้งน้ำใส น้ำไม่ใส ทั้งใต้น้ำสมบูรณ์ และเคยสมบูรณ์มาก็หลายที่ .. จนวันนี้ได้มีโอกาสเปลี่ยนฟิวล์เล็กน้อยไปเที่ยวทะเลแบบใกล้ ๆ ติด ๆ เมืองไทยบ้านเราเลย..ซึ่งจะว่าไปแล้วตอนนี้ก็กำลังเริ่มฮิตติดลมบนของเหล่านักท่องเที่ยวทั้งหลายทั้งวัยเรียนถึงวัยทำงาน ไม่เว้นแม้แต่วัยที่ไม่ต้องทำงานแล้วก็ยังอยากเที่ยวทะเลน้ำสวย ๆ กัน.. นั่นคือที่ Cock Burn Island ประเทศเมียนม่าร์ หรือพม่าข้างบ้านเรานั่นเอง…

…เริ่มต้นเตรียมมุ่งหน้าสู่เมืองระนองกันก่อนกับสายการบินแอร์เอเชียที่ ณ บัดนาวมีเที่ยวบินพร้อมตรงลัดฟ้าสู่ระนองกันแล้วชนิดที่นั่งกันสบาย ๆ บินเครื่องใหญ่ไประนองต้องนี่เลย มีเที่ยวบินทุกวันโดยไฟลท์ออกเดินทางกันตอน 11.45 น. ก็จะถึงสนามบินที่ระนองตอน 13.00 น. .. เตรียมเดินทางเข้าเช็คอินโรงแรมกันได้เลยเวลาดีงามพอดีเป๊ะสำหรับวันแรกของการเดินทางที่ไม่วุ่นวายอะไรมาก.. เก็บแรงไว้เพื่อลุยทะเลไว้เที่ยวกันวันรุ่งขึ้นได้เลย

…วันแรกก็จะเบา ๆ ไม่มีอะไรมากเมื่อถึงโรงแรมก็เช็คอินวางกระเป๋าออกไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่เล็กน้อย โรงแรมที่ผมมาพักก็คือ The Galla Hotel ใจกลางเมืองที่ง่ายและสะดวกต่อการหาของรับประทานอาหาร และเดินทางไปไหนมาไหน

…นั่งเครื่อง – เข้าพัก – นอนหลับ – ตื่นเช้ามาก็เตรียมลงทะเลกันเลยจ้ะ..

…การเดินทางสู่ทะเลพม่า ณ เกาะค๊อกเบิร์น หรือหนึ่งในหมู่เกาะช้างเผือก ก็เริ่มด้วยการที่เราจองแพคเกจทัวร์มาแต่เนิ่น ๆ กับ บ.Love Andaman บริษัทนำเที่ยวทางทะเลเจ้าใหญ่แห่งบ้านเรา ซึ่งแพคเกจนั้นจะเดินทางไปไหน มีอะไร ลงเอยยังไง ติดต่อได้ที่หน้าเพจเลิฟเลย แค่เสิรช์คำว่า “Love Andaman” ก็จะเจอโลโก้หัวใจสีฟ้านั่นแหละ ..

…จากท่าเรือประภาคารใช้เวลาเดินทางด้วยสปีดโบ๊ตราว ๆ 1 ชั่วโมงกับอีก 15 นาทีก็จะพานพบกับน้ำทะเลชนิดที่บอกได้คำเดียวว่า “ใสโคตร ๆ”.. คือแว่บแรกที่เห็นทะเลด้านล่างหลังจากง่อยเปลี้ยจากการผงกหลับมาตลอดทางบอกกันตรง ๆ ว่า เลิฟ เลิฟ รักเลย .. ไม่ใช่แค่อากาศดีฟ้าสวยน้ำใสแต่มองเห็นตัวปลา เห็นแนวหินบาง ๆ อยู่ด้านล่างด้วย.. แทบอยากจะพุ่งหลาวใส่ลังกาเกลียวซอมเมอร์ซอลท์สามรอบลงไป ณ ตอนนี้…

…แล้วคุณก็ได้สิทธิ์นั้นทันทีเข้าฝั่งกันโลด ก่อนจะปีนขึ้นจุดชม Viewpoint มุมสูง ๆ ด้านบนชนิดที่ไม่ต้องง้อโดรน (คือเพราะไม่มีโดรนแบบคนอื่นเขาไง) มุมนี้บอกเลยกว่าจะได้มาต้องแลกกับความเจ็บปวดเพราะไม่มีรองเท้า (ก่อนลงเรือมาทางเลิฟอันดามันไม่อนุญาตให้นำรองเท้าแตะมาด้วยเพื่อช่วยกันรักษาธรรมชาติ) ดังนั้นใครที่จะมาแนะนำว่ารองเท้าเดินชายหาดนั้นเหมาะสม ซึ่งจะเป็นรองเท้าบาง ๆ เตรียมหากันมาได้…

…พื้นที่เกาะ Cock Burn อาจไม่ใช่เกาะที่มีขนาดใหญ่ หาดกว้างอะไรมาก แต่ความสวยงามของหน้าหาด และผืนทรายสีขาวนวลผ่องเป็นยองไยนั้นแหละคือความพีค ยิ่งบวกกับวันที่สภาพแดดดีดีด้วยแล้วน้ำทะเลสีฟ้าใสรอคอยคุณอยู่แน่นอน…

…ผ่านพ้นไปกับกิจกรรมเดินเล่นชมวิวบนภาคพื้น ต่อไปเตรียมพบกับอภิมหาอัครความงาม และสมบูรณ์ของโลกใต้น้ำซึ่งอุปกรณที่นำมาใช้ในการบันทึกภาพทั้งภาพนิ่งและวีดีโอครั้งนี้ก็คือ “Nikon W300” ที่การันตีว่ากันน้ำได้ถึง 30 เมตร (แต่เอาจริงผมว่าถ้าลงแบบไม่มีเฮ้าซิ่งน่าจะได้สัก 10 เมตร) แต่จะยังไงก็ช่างเอาเป็นว่าเราดำแค่ตื้น ๆ ผิว ๆ 3-4 เมตรนี่สบายแน่นอน…

…จะบอกกันอย่างตรง ๆ ว่าก่อนมาที่เกาะนี้นั้นก็เคยเห็นภาพมาบ้างอยู่ แต่ไม่ค่อยได้เห็นภาพใต้น้ำสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ที่เห็นจากในอินเตอร์เนท ในโซเชี่ยลต่าง ๆ ก็จะคือภาพหาดขาว ๆ ทรายขาว ๆ น้ำใส ๆ ดังนั้นพอแว่บแรกที่ดำดิ่งลงมาใต้น้ำเบิ่งตาชัด ๆ ถึงรู้ว่า ไอ้ที่เห็นมานั้นมันมีอะไรมากมายกว่าที่คิดจริง ๆ

…ทั้งมวลหมู่ปลา เหล่าปะการัง และความอุดมสมบูรณ์ของโลกใต้น้ำทุกประเภทต้องบอกว่ามันพีคมาก.. โดยเฉพาะกับจำนวนของปลา และปะการังที่เยอะแยะมากมาย ดูภาพไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นอีกนะว่ามีอะไรสวย ๆ อีกเพียบเลย

…งานนี้ใครดำน้ำตื้นผิวน้ำสน๊อกเกิ้ลก็ไม่ต้องกลัวจะไม่ได้เห็นเพราะใต้น้ำนั้นมีอะไรเยอะแยะจริง ๆ แต่ถ้าใครจะ Free Dive ลงไปก็ให้ระวังให้ช่วยกันรักษาธรรมชาติใต้ท้องทะเลกันด้วยนะ เพราะดูจากภาพสิจะเห็นว่าอะไรต่อมิอะไรนั้นเยอะแยะไปหมดที่มันสวยงามตามธรรมชาติ

…จากภาพข้างต้นที่ดู ๆ มาเราก็จะเห็นได้ว่ามีทั้งดอกไม้ทะเล ปะการัง เหล่ามวลหมู่ปลาโดยเฉพาะปลาการ์ตูนที่ว่ายเล่นอยู่คู่กับดอกไม้ทะเล… อีกทั้งแนวปะการังเขากวางที่นี่ก็เยอะแยะเรียกว่าเป็นทุ่งเลยก็ว่าได้ อันนี้ต้องมาพิสูจน์ด้วยตาตัวเองนะ

…นั่นแหละครับคือความงามแห่งใต้ท้องทะเลบริเวณเกาะ Cock Burn .. หากถามว่าสมบูรณ์กว่าบ้านเรามั้ย บอกเลยว่าอาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำหากเทียบกัน ณ เวลาปัจจุบันนี้ เพราะบ้านเราหลายที่ก็ต้องยอมรับความเจ๋งความพีคนั้นน้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก อาจจะเหลือแค่บางที่ที่พอติดระดับโลกกับเค้าได้บ้าง

…แต่จะให้ดีผมว่าเพื่อน ๆ ต้องมาพิสูจน์กันเองดีกว่าแล้วจะได้รู้ว่าที่นี่มันเจ๋งแค่ไหน

…หลังจากที่ชมจุดวิวพ้อยท์มุมสูง ๆ แล้วลงมาดำน้ำสำรวจความงามใต้ท้องทะเลก็ต่อด้วยการเติมพลังอาหาร โดยมื้อกลางวันทางเลิฟอันดามันก็จัดเป็นบุฟเฟ่ต์ไว้ที่บนเกาะซึ่งจะอยู่อีกฝั่งนั่งเรือข้ามมาก็เตรียมท้องอิ่มกันได้เลย

…อาหารก็มีทั้งไก่ทอด ต้มยำ ส้มตำ กุ้งเผา หมึกย่าง น้ำดื่มหวาน ๆ เก๊กฮวย ผลไม้ ของหวาน เค๊ก เยลลี่ ขนมปัง เพียบอ่ะ.. เรียกว่าทดแทนกับพลังงานที่สูญเสียไปได้ทั้งสิ้น

…อิ่มแปร้ไปกับมื้ออาหารก็มาถึงช่วงพักเบรกก็คือการเดินถ่ายรูปเล่นหน้าหาด ซึ่งหาดนั้นไม่กว้างนักแล้วก็อยู่ที่เวลาที่มาด้วยเป็นช่วงบ่ายบางวันน้ำจะลดทำให้มีแนวหาดมากขึ้น แต่วันนี้น้ำขึ้นเยอะทำให้พื้นที่หาดเหลือน้อยลงก็พอเดินถ่ายรูปเล่นได้แค่ประมาณหนึ่ง

…ความสุขในวันพักผ่อนเบา ๆ หนึ่งวันที่ได้มาเห็นทะเลใส ๆ สีฟ้าแบบฟ้าจริง ๆ ตั้งแต่หน้าหาดไปถึงสีน้ำเงินเข้มที่ปลายขอบฟ้า เชื่อได้เลยว่าเป็นภาพที่ใคร ๆ ก็อยากมายืนมามองมาเห็นด้วยตาตนเองแน่นอน

…ลองหาโอกาสมาเที่ยวดูสักครั้งแม้คำว่า “ทะเล” อาจจะดูเหมือนกันไปซะทุกที่ แต่การได้มาจริงต่างหากที่ทำให้เราจำได้ว่าเรามีความสุขกับที่ไหนแบบไหน

…ในที่สุดก็ถึงเวลาอำลา Cock Burn Island เป็นที่เรียบร้อย นั่งเรือมาชั่วโมงเศษ ๆ นั่งกลับก็เช่นเดียวกัน.. แต่ขากลับเรือจะเงียบกว่าเดิมเพราะทุกคนหมดเรี่ยวหมดแรงกันเป็นที่เรียบร้อย.. ปิดท้ายด้วยภาพน้ำใส ๆ ของทะเลยามบ่าย ๆ เย็น ๆ ไว้อีกสักนิด .. ก่อนจะพบกับภาพและสถานที่น่าสนใจอีกเล็กน้อยในเมืองระนองที่มีอะไรมากกว่าทะเล ซึ่งผมขอเอามาแปะเป็นของฝากกันไว้นะ

…ขอส่งท้ายอีกนิดนึงกับภาพอีกสักเล็กน้อย

…กลับถึงฝั่งโรงแรมไม่ต้องเข้า น้ำไม่ต้องอาบ แวะกินกันก่อนเลยที่ “ร้านเคียงเล”..

..คือร้านนี้อยู่ใกล้กันแทบจะติดกับท่าเรือที่ลงเรือเลยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปร้านอื่นให้ไกล ๆ เสียเวลา .. เมนูแนะนำคือ ปูจั๊กจั่นตัวเป้ง ๆ และหมูสามชั้นผัดเคย(กะปิ) รสชาติงี้หอมหวานทานพร้อมข้าวสวยบ้านเราอร่อยแท้หลาย… ส่วนเมนูเพิ่มเติมแต่ไม่มีภาพประกอบเพราะถ่ายไม่ทันคือ หอยนางรมสดตัวประมาณเท่าฝ่ามือ.. ใครมาก็อย่าลืมลองลิ้มชิมรสกันนะ

…ตื่นเช้ามาอีกวันก่อนจะเดินทางกลับก็แวะ “บ้านเทียนสือ” ใครที่ชอบเรื่องราวเก่า ๆ ประวัติศาสตร์ ที่มาที่ไปในอดีต ผมว่าที่นี่เหมาะเลยเพราะมีคุณลุงเจ้าของบ้านที่หลังนี้พร้อมยินดีเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง ว่าง่าย ๆ ก็คือบ้านคนนี่แหละแต่มาเปลี่ยนประยุกต์ให้เป็นที่เที่ยวของคนผ่านมาผ่านไปได้

…หรือใครจะแวะมาแค่ถ่ายรูปเล่นก็ได้นะ ด้านหน้ามีร่มห้อยอยู่กันแดดสวยงาม

…จากนั้นมาถึงร้านกาแฟสุดแนว ที่ว่าสุดแนวนี่ไม่ได้อยู่ขอบชายแดนระนองนะ แต่ว่าคือร้านนี้นึกจะเปิดวันไหนก็เปิด วันไหนอยากปิดก็ไม่เปิด.. “คุ้นลิ้น กาแฟสด ห้วยค้างคาว” จำชื่อนี้ไว้ให้ดี เพราะนอกจากเครื่องดื่มรสชาตินุ่มลิ้นอร่อย ๆ แล้วทีเด็ดคือบรรยากาศในการร่ำสุรา เอ๊ย!!! ร่ำกาแฟเครื่องดื่มนั้นมีให้เลือกแบบแนบชิดติดลำธารที่ด้านล่างของร้าน.. ตามที่เห็นในภาพ

…เรียกว่าเป็นกิจกรรมพักผ่อนเบา ๆ ฆ่าเวลาก่อนเดินทางกลับได้ดีไม่น้อยเพราะเครื่องขึ้น 13.40 น. ช่วงเช้าว่างอยู่หลายชั่วโมงต้องใช้ให้คุ้ม

…เครื่องขึ้น 13.40 น. เช็คอินล่วงหน้าก่อน 45 นาที แต่ถ้าให้ชัวร์มาก่อนเวลาเนิ่น ๆ ก็จะดีนะครับ ได้ไม่ต้องรีบร้อนเข็นกระเป๋าสัมภาระต่าง ๆ .. สนามบินระนองอาจเป็นสนามบินเล็ก ๆ ก็จริงแต่เมื่อเราเดินออกมาจากสนามบินแล้วจะรู้ว่าที่นี่นั้นมีอะไรมากมายให้เราได้เจอะได้เจอไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน / ภูเขาหญ้า / ระนองแคนย่อน / อุทยานแห่งชาติแหลมสน และหมู่เกาะรอบ ๆ / เกาะพยาม และอีกหลายต่อหลายที่ที่น่าสนใจ

…ดังนั้นในเมื่อมีที่เที่ยวอีกมากอีกมายเที่ยวครั้งเดียวไม่หมด ครั้งหน้าต้องเดินทางมาใหม่ก็อย่าลืมนะจ๊ะ.. บินไประนองไปกับแอร์เอเชีย เวลาสวย เวลางามทั้งไปกลับ.. แอร์เอเชียเค้ามีบินทุกวันอย่ารอช้าล่ะ

Facebook Comments
Please follow and like us:
20